Thursday, October 4, 2012

เฟซบุ๊กเอาจริง ! ไล่ลบไลค์ปลอมออกจากแฟนเพจแล้ว

เฟซบุ๊กเอาจริง ! ไล่ลบไลค์ปลอมออกจากแฟนเพจแล้ว

เฟซบุ๊กเอาจริง ! ไล่ลบไลค์ปลอมออกจากแฟนเพจแล้ว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เมื่อพูดถึงการกดไลค์ (Like) หรือถูกใจ คนที่เคยเล่นเฟซบุ๊ก (Facebook) ทุกคนคงรู้จักสิ่งนี้กันเป็นอย่างดี นั่นก็คือการกดไลค์ให้สิ่งต่าง ๆ บนเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ หรือเพจที่เราชอบและมีความสนใจ โดยจำนวนการกดไลค์ของเพจต่าง ๆ จะทำให้เพจนั้นโด่งดังและมีคนเข้ามาดูมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาชีพการรับจ้างกดไลค์ หรือไลค์ปลอมขึ้นมา ซึ่งจุดประสงค์ของคนที่สร้างไลค์ปลอมนี้ ก็เพื่อให้เพจธุรกิจการค้าของตนนั้นดูน่าเชื่อถือและมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นนั่นเอง แต่หลังจากนี้เหมือนว่าทางเฟซบุ๊กจะไม่ยอมปล่อยให้ทำแบบนั้นได้อีกง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว...

          ล่าสุด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางทีมงานด้านความปลอดภัยของเฟซบุ๊กได้ทำการอัพเดทระบบใหม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มระบบตรวจจับการกดไลค์ที่ผิดเงื่อนไขการให้บริการของเฟซบุ๊ก อย่างเช่นการสร้างแอ็คเคาท์ปลอมเพื่อกดไลค์, การกดไลค์ด้วยมัลแวร์, การแฮ็คหรือหลอกลวงผู้อื่นให้กดไลค์ หรือการรับจ้างกดไลค์ โดยเมื่อระบบตรวจเจอไลค์เหล่านี้ก็จะทำการลบไลค์เหล่านั้นออกจากระบบทันที สำหรับจุดประสงค์ในการกำจัดไลค์ปลอมของเฟซบุ๊กนี้ เป็นเพราะว่าทางเฟซบุ๊กต้องการให้การกดไลค์นั้นมาจากกลุ่มคนที่มีความชอบและสนใจในเพจนั้น ๆ อย่างแท้จริง และคาดว่าการกำจัดไลค์ปลอมนี้จะส่งผลให้มีจำนวนไลค์ที่ถูกลบออกในแต่ละเพจเพียงแค่ไม่ถึง 1% เท่านั้น

          อย่างไรก็ตาม ได้มีข่าวจากบางแหล่งรายงานว่าจำนวนเพจที่มีไลค์เกิน 2 ล้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีทั้งหมด 2 เพจ แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 1 เพจแล้ว ส่วนเพจที่มีไลค์เกิน 1 ล้าน ก่อนหน้านี้มี 20 เพจ แต่ตอนนี้เหลือเพียง 9 เพจเท่านั้น สำหรับใครที่เคยเพิ่มไลค์ให้เพจตัวเองด้วยวิธีการที่ผิดเหล่านี้ แนะนำให้เลิกทำดีกว่า เพราะท่านอาจเสียเวลาไปเปล่า ๆ เลยก็ได้นะ

เผย 10 เคล็ดลับ เกราะป้องกัน "อีเมล"

ความสำคัญของ "อีเมล" มีมากขึ้นทุกวัน เพราะถือเป็นหนึ่งในช่องทางหลักของการสื่อสารยุคนี้ ทั้งยังเป็นเหมือนไอดี (ID) ประจำตัว

ในการผ่านเข้าไปใช้บริการออนไลน์ต่างๆ ที่มีมากมาย การแฮคอีเมล เพื่อล้วงข้อมูลสำคัญ จนสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นทั้งกับองค์กรธุรกิจ และบุคคลทั่วๆ ไป ก็เลยยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง 
"กูเกิล" อาสาเผย 10 เคล็ดลับป้องกันอีเมล ดังต่อไปนี้ 

1.ลงชื่อออกจากระบบระยะไกล การลงชื่อออกจากระบบ (Sign Out) เป็นมาตรการแรกๆ ในการรักษาความปลอดภัยสำหรับอีเมล์ อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องตกอกตกใจหากคุณลืมลงชื่อออกจากระบบคอมพิวเตอร์ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เพราะฟังก์ชันการลงชื่อออกจากระบบระยะไกล (Remote Sign Out) จะช่วยให้คุณสามารถลงชื่อออกจากระบบและปิดเซสชั่นก่อนหน้านี้

2. ใช้การตั้งค่า HTTPS ทุกครั้ง แม้ว่าบัญชี
อีเมลของคุณไม่ได้ถูกแฮคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ขอแนะนำให้คุณดำเนินทุกมาตรการที่เป็นไปได้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณจะไม่ตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเข้าใช้อีเมลผ่านทางเครือข่ายไร้สายสาธารณะหรือเครือข่ายที่ไม่มีการเข้ารหัส

ตัวอย่างเช่น ตั้งค่า HTTPS แบบอัตโนมัติของจีเมล (Gmail) จะทำให้
อีเมลของคุณถูกเข้ารหัสเมื่อมีการรับส่งระหว่างเว็บเบราว์เซอร์ และเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นผู้ใช้ที่ใช้เครือข่ายไวไฟสาธารณะในร้านกาแฟร่วมกับคุณจะไม่สามารถอ่านอีเมลนั้นได้ เว็บไซต์ธนาคารและบัตรเครดิตก็ใช้โปรโตคอลเดียวกันนี้เพื่อปกป้องข้อมูลด้านการเงินของคุณ

หากคุณไปที่ Settings (การตั้งค่า) และเลือก “always use https” (ใช้ https เสมอ) จีเมลก็จะนำคุณไปยังเวอร์ชั่นที่ปลอดภัย

3. ปิดการดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบโดยอัตโนมัติ ปิดการใช้งานตัวเลือกสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบโดยอัตโนมัติเมื่อคุณอ่าน
อีเมล ไฟล์ที่แนบบางไฟล์อาจมีเจตนาที่มุ่งร้าย และตัวเลือกนี้จะช่วยให้คุณสามารถดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ที่คุณต้องการเท่านั้น และขณะเดียวกัน โปรดทราบว่าผู้ให้บริการอีเมลส่วนใหญ่มีฟังก์ชันการสแกนอัตโนมัติ ซึ่งช่วยระบุมัลแวร์หรือไวรัส จึงช่วยปกป้องได้อีกระดับหนึ่ง

4.อย่าไว้ใจใคร หากคุณพบเจอลิงค์ที่ดูเหมือนว่าถูกต้อง แต่คุณก็ยังอดสงสัยไม่ได้ ให้คุณไปที่เว็บไซต์ขององค์กรนั้นๆ โดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในรูปแบบของฟิชชิ่ง (Phishing) และนอกจากนี้คุณควรตรวจสอบว่ายูอาร์แอล ที่ปรากฏเมื่อคุณวางเมาส์ไว้บนลิงค์กับยูอาร์แอล ที่ระบุไว้ใน
อีเมลตรงกันหรือไม่

5. กู้คืนรหัสผ่านของคุณผ่านทางข้อความ นอกเหนือจากการร้องขอรหัสผ่านใหม่ทาง
อีเมลแล้ว คุณยังสามารถลองใช้ตัวเลือกอื่นๆ เช่น การขอรับรหัสผ่านทางระบบรับส่งข้อความ (SMS) บนโทรศัพท์มือถือของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีบัญชี จีเมลคุณก็สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนง่ายๆ นั่นคือ คลิกที่ ‘Sign in’ (ลงชื่อเข้าใช้) จากนั้นเลือก 'Change Password Recovery Options' (เปลี่ยนตัวเลือกการกู้คืนรหัสผ่าน) และป้อนหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และบันทึกข้อมูล และเมื่อคุณลืมรหัสผ่าน คุณก็สามารถป้อนชื่อผู้ใช้บนเพจความช่วยเหลือเกี่ยวกับรหัสผ่าน และรหัสกู้คืนก็จะถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณ 


6. ระวัง "ฟิชชิ่ง" แบบเจาะจงเป้าหมาย ฟิชชิ่งแบบเจาะจงเป้าหมาย (Spear Phishing) อยู่ในรูปแบบของข้อความอีเมลที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจดูเหมือนว่าส่งมาจากนายจ้าง หรือเพื่อนร่วมงานที่อาจส่งข้อความอีเมลให้ทุกคนในบริษัท เช่น หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือฝ่ายไอที โดยปกติแล้ว ผู้หลอกลวงมักจะใช้เว็บแอดเดรส ที่ดูเหมือนชื่อของบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น เติมหรือละตัวอักษรบางตัว หรือใช้ตัวอักษรบางตัวที่ดูคล้ายๆ กัน ดังนั้นคุณจึงควรตรวจสอบตัวสะกดให้ดีเสียก่อน

7. 
อีเมลสำรองก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การมีอีเมลแอดเดรสสำรองนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้อีเมลที่มักจะลืมรหัสผ่านของตนเองเป็นประจำ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกใช้ผู้ให้บริการอีเมลที่อนุญาตให้คุณระบุอีเมลแอดเดรสสำรองได้ เพื่อรองรับการแจ้งเตือนในกรณีที่คุณไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูลเหลืออยู่ หรือแม้กระทั่งในกรณีที่มีกิจกรรมที่น่าสงสัยเกิดขึ้นกับบัญชีอีเมล
ของคุณ

8. แบ็คอัพข้อมูล
อีเมลของคุณในแบบออฟไลน์ ผู้ใช้บางคนอาจต้องการเข้าใช้อีเมลในขณะที่ออฟไลน์ หรือในกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีอีเมลของตัวเองได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรแบ็คอัพข้อมูลอีเมล
ของคุณจากบริการออนไลน์

9. ใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกัน นับเป็นความคิดที่ดี ที่คุณจะใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันสำหรับบัญชีของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบัญชีสำคัญๆ เช่น 
อีเมล
และออนไลน์แบงก์กิ้ง เมื่อคุณสร้างรหัสผ่านสำหรับเว็บไซต์ คุณอาจตั้งรหัสผ่าน โดยใช้วลีที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นั้นๆ ตัวย่อ หรือคำที่คล้ายคลึงกับวลีดังกล่าว แต่คุณไม่ควรใช้คำที่มีอยู่ในเว็บไซต์ดังกล่าวโดยตรง ตัวอย่างเช่น สำหรับเว็บไซต์ธนาคาร คุณอาจนึกถึงวลีที่ว่า "How much money do I have?" และคุณก็อาจตั้งรหัสผ่านว่า "#m$d1H4ve?" (หมายเหตุ: อย่าเอาตัวอย่างรหัสผ่านที่กล่าวถึงในที่นี้ไปใช้เป็นอันขาด)

10.ใช้ลายเซ็นดิจิทัล ลายเซ็นดิจิทัลเป็นวิธีการตรวจสอบว่าข้อความ
อีเมลถูกส่งมาจากบุคคลนั้นจริงๆ และไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดยบุคคลอื่น เนื่องจากเป็นการง่ายที่ผู้โจมตีและไวรัสจะ "ปลอมแปลง" อีเมลแอดเดรส ดังนั้นจึงยากที่เราจะระบุข้อความอีเมล
ที่ถูกต้องในบางครั้ง การรับรองความถูกต้องอาจสำคัญอย่างมากสำหรับจดหมายเพื่อธุรกิจ กล่าวคือ หากคุณไว้ใจให้ใครบางคนตรวจสอบข้อมูล คุณก็จำเป็นที่จะต้องมั่นใจว่า ข้อมูลนั้นมาจากแหล่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ข้อความที่มีลายเซ็นดิจิทัล ยังบ่งชี้ว่าเนื้อหาไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง หลังที่มีการส่งข้อความดังกล่าว และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ย่อมจะทำให้ลายเซ็นดิจิทัลกลายเป็นโมฆะในทันที 


http://www.bangkokbiznews.com

เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด


เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
จะมาแนวเดียวกับ iPhone 5 อีกหรือไม่ สำหรับ iPad mini ที่มีทั้งข่าวลือและภาพหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มทำให้แฟนๆ แอปเปิลหลายคนรู้สึกไม่ตื่นเต้นเหมือนครั้งเปิดตัว iPhone 5 ล่าสุดเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ชื่อดังThe Wall Street Journal รายงานว่าตอนนี้แอปเปิลได้เริ่มเดินสายการผลิต iPad mini แล้ว เพื่อหวังแข่งกับตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่กำลังเริ่มกินส่วนแบ่งในตลาดตอนนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย iPad mini จะมีหน้าจอขนาด 7.85 นิ้ว พร้อมกับความละเอียด 1024×768 พิกเซลตามข่าวลือต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ยังมีภาพหลุดล่าสุดเป็นชิ้นส่วนของ iPad mini เป็นฝาหลังและรายละเอียดอื่นๆ 
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
เผยภาพหลุด iPad mini ล่าสุด
ขอบคุณ 108blog.net

กสทช อนุมัติให้นำเข้า iPhone 5 สิ้นตุลาฯ 55 นี้

หลังจากมีข่าวที่แย้งกันไป 2 ข่าว ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่า iPhone 5 พร้อมขายวันแรกในไทยวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้ แล้วก็มีข่าวตามมาอีกว่าเลื่อนขายออกไปจนเดือนพฤศจิกายน แต่ล่าสุด มาจากทาง กสทช เองเลย เมื่อได้อนุมัติการนำเข้า iPhone 5 มาขายในประเทศไทยแล้ว
เนื้อความคือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้อนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์มือถือ หรือ iPhone 5 ตามที่ตัวแทนของบริษัท แอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที โดยช่วงเวลาจำหน่าย iPhone 5 ในประเทศไทย จะเริ่มในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ซึ่งประเทศไทยจัดอยู่ไนกลุ่มประเทศที่ 3

สำหรับราคาของ iPhone 5 จะมีราคาใกล้เคียงกับ iPhone 4S คือ
iPhone 5 16GB = 22,xxx บาท
iPhone 5 32GB = 26,xxx บาท
iPhone 5 64GB = 30,xxx บาท

สำหรับราคาของ iPhone 5 นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค กล่าวว่า ในส่วนของราคา iPhone 5 และจำนวนเครื่องที่แต่ละตัวแทนจำหน่ายจะได้รับ ขึ้นอยู่กับแอปเปิลโดยตรง

ขอบคุณ iphonemod.net

Wednesday, October 3, 2012

วิธีเพิ่มรายชื่อ (Contact) และนำรายชื่อจากซิมการ์ดลงใน iPhone



รายชื่อเบอร์โทรที่จัดเก็บอยู่ในซิมการ์ดหรือภายในเครื่องโทรศัพท์นั้น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือทุกคน สำหรับผู้ใช้งาน iPhone มือใหม่ ที่ยังไม่ทราบวิธีการเพิ่มรายชื่อใหม่และนำรายชื่อที่จัดเก็บอยู่ในซิมการ์ดมาใส่ไว้บน iPhone ลองมาดูวิธีการเพิ่มรายชื่อและนำรายชื่อจากซิมการ์ดมาใส่ใน iPhone กัน
วิธีการเพิ่มรายชื่อใหม่ (Contact)
1. เปิดโปรแกรมโทรศัพท์ (Phone)

2. เมื่อเปิดโปรแกรมแล้วให้เลือกแท็บรายชื่อ (Contacts) จากนั้นแตะที่เครื่องหมาย + เพื่อเพิ่มรายชื่อใหม่

3. เพิ่มรายชื่อใหม่ (New Contact) โดยใส่ข้อมูลชื่อ, เบอร์โทร, อีเมล, ที่อยู่, ตั้งค่าเสียงเรียกเข้าสำหรับรายชื่อ, เพิ่มรูปภาพสายโทรเข้าของรายชื่อ และเมื่อใส่ข้อมูลครบแล้ว ให้แตะที่ปุ่ม เสร็จ (Done) รายชื่อก็จะถูกบันทึกลงบน iPhone

 
วิธีการนำรายชื่อจากซิมการ์ดลงใน iPhone
1. เปิดโปรแกรมตั้งค่า (Settings)

2. เลือกเมนู เมล, รายชื่อ, ปฏิทิน (Mail, Contacts, Calendars)

3. เลื่อนลงมาในส่วนของรายชื่อ (Contacts) จากนั้นเลือกที่เมนู นำเข้ารายชื่อซิม (Import SIM Contacts) รายชื่อในซิมการ์ดก็จะถูกคัดลอกลงบน iPhone

4. รายชื่อที่ถูกคัดลอกจากซิมการ์ด จะอยู่ในส่วนของรายชื่อทั้งหมด (All Contacts)

5. หากต้องการแก้ไขรายชื่อ ก็ให้แตะรายชื่อที่ต้องการ จากนั้นแตะที่ปุ่มแก้ไข (Edit) เพื่อแก้ไขข้อมูลรายชื่อ และเมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อยให้แตะที่ปุ่ม เสร็จ (Done) เพื่อบันทึกการแก้ไข

วิธีสมัคร Apple ID แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต


สำหรับผู้ใช้ iPhone มือใหม่ ที่ต้องการดาวน์โหลดแอพฯ มาติดตั้งและใช้งานบน iPhone แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มี Apple ID (บัญชีที่เอาไว้โหลดแอพฯ จาก App Store) ทำให้ไม่สามารถดาวน์โหลดแอพฯ ได้ และติดปัญหาตรงที่ไม่มีบัตรเครดิต ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ การสมัคร Apple ID นั้นมีเทคนิคการสมัครแบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็ได้ โดยมีเงื่อนไขคือสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะแอพฯ ที่แจกฟรีเท่านั้น หากต้องการซื้อแอพฯ แบบเสียเงิน สามารถเพิ่มข้อมูลบัตรเดรดิตได้ในภายหลัง ถ้าพร้อมแล้วมาดูวิธีการสมัคร Apple ID แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ทุกขั้นตอนสามารถทำได้จาก iPhone ส่วนขั้นตอนจะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลย
วิธีสมัคร Apple ID แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
1. เปิด App Store จากบน iPhone

2. เลือกแท็บ Top 25 หรือ Top Charts เสร็จแล้วกดเลือกแท็บ Top Free เพื่อเลือกแอพฯ แบบฟรี จากนั้นให้เราเลือกแอพฯ ใดแอพฯ หนึ่งที่มีคำว่า FREE เพื่อใช้สมัคร Apple ID

3. เมื่อเลือกแอพฯ ฟรีที่ต้องการได้ ให้กดเข้าไปที่แอพฯ เสร็จแล้วให้กดตรงปุ่ม Free และ Install App

 
4. หน้าจอจะแสดงข้อความเตือนดังรูป ให้เลือก Create New Apple ID เพื่อสร้าง Apple ID

5. เลือก Store ของประเทศที่ต้องการใช้งาน ขั้นตอนนี้ให้เลือกเป็น Store Thailand จากนั้นกดปุ่ม Next

 6. ข้อมูลเงื่อนไขและข้อตกลงการใช้งาน iTunes Store ให้กดปุ่ม Agree เพื่อยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลง


 
7. กรอกข้อมูลอีเมล (ควรใช้อีเมลที่ใช้งานอยู่จริง) กำหนดรหัสผ่าน 8 ตัวขึ้นไป และต้องประกอบไปด้วยตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่, ตัวพิมพ์เล็ก และตัวเลขเท่านั้น เช่น AbCd123456 เป็นต้น

8. จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างเพื่อกรอกข้อมูลคำถามป้องกันการลืม ให้ตั้งคำถามพร้อมระบุคำตอบที่ต้องการ เช่น What’s your name ? เป็นต้น การตั้งคำถามจะใช้ในกรณีที่ลืมรหัสผ่านนั่นเอง เสร็จให้กรอกวัน เดือน ปีเกิด และหากต้องการรับข่าวสารจากแอปเปิลทางอีเมลให้กดเลือก Subscribe จากนั้นกด Next เพื่อไปขั้นตอนต่อไป

9. กรอกข้อมูลบัตรเครดิต (ขั้นตอนนี้สำคัญ) ในกรณีนี้เราไม่มีบัตรเครดิตให้เลือกที่ None (หากต้องการโหลดแอพฯ สามารถระบุข้อมูลบัตรเครดิตได้ในภายหลัง) จากนั้นเลื่อนลงมากรอกข้อมูลที่อยู่ และเบอร์โทรให้ครบถ้วน เสร็จแล้วให้กด Next

 
10. ขั้นตอนการยืนยัน Apple ID ทางแอปเปิลจะส่งอีเมลยืนยันไปยังอีเมลที่ใช้สมัคร ให้เราเข้าไปเช็คอีเมลเพื่อกดยืนยันการสมัคร Apple ID
(หากเราเชื่อมต่อหรือซิงก์อีเมลกับ iPhone ไว้ สามารถกดเช็คอีเมลและยืนยันการสมัคร Apple ID จาก iPhone ก็ได้)

11. แอปเปิลจะส่งอีเมลยืนยันการสมัคร Apple ID ให้เปิดอีเมลนั้นแล้วคลิกลิงก์ Verify Now เพื่อยืนยันการสมัคร

12. จากนั้นกรอกอีเมลที่ใช้สมัครและรหัสผ่านให้ถูกต้อง เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Verify Address

13. หากกรอกข้อมูลถูกต้อง ระบบก็จะแสดงการยืนยันการสมัคร ตัวอย่างดังรูป

14. กลับมาที่ App Store อีกครั้ง กดเลือกแอพฯ ที่ต้องการโหลด จากนั้นจะมีข้อความแจ้งเตือนอีกครั้ง ให้กดเลือก Use Existing Apple ID จากนั้นกรอกอีเมลและรหัสผ่านของ Apple ID


 
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถโหลดแอพฯ ฟรีจาก App Store ลงบน iPhone ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต แต่ถ้าหากต้องการซื้อแอพฯ สามารถเพิ่มเติมข้อมูลบัตรเครดิตได้ในภายหลัง

25 แอพพลิเคชั่นพื้นฐานบน iPhone


iPhone มีแอพพลิเคชั่นมากกว่า 500,000 แอพพลิเคชั่นที่อยู่บน App Store มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน แต่ iPhone ก็มีแอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่ติดมากับเครื่องโดยไม่ต้องติดตั้งเพิ่มเติม จำนวน 25 แอพฯ ด้วยกัน ซึ่งสำหรับผู้ใช้ iPhone มือใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสกับระบบปฏิบัติการ iOS อาจจะยังไม่ทราบว่าแอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่มากับเครื่องเหล่านี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง เรามาทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่นพื้นฐานของ iPhone กัน


แอพพลิเคชั่นพื้นฐานบน iPhone (iOS 5)
1. Messages (ข้อความ) – ใช้สำหรับรับข้อความและส่งข้อความ (SMS)
2. Calendar (ปฏิทิน) – ใช้สำหรับดูปฏิทิน, เพิ่มกิจกรรม นัดหมายต่าง ๆ ของแต่ละวันลงในปฏิทินได้
3. Photos (รูปภาพ) – อัลบั้มรูปรวมรูปภาพทั้งหมดอยู่ภายในเครื่อง
4. Camera (กล้อง) – กล้องถ่ายภาพ
5. Videos (วิดีโอ) – ใช้สำหรับเก็บวิดีโอที่โหลดหรือซื้อมาจาก iTunes Store
6. Youtube – ใช้สำหรับดูคลิปวิดีโอจาก Youtube
7. Maps (แผนที่) – ใช้สำหรับดูแผนที่, ค้นหาสถานที่และเส้นทางต่าง ๆ ทั่วโลก
8. Weather (สภาพอากาศ) – ตรวจสอบและเช็คสภาพอากาศทั่วโลก
9. Notes (จดโน้ต/บันทึก) – ใช้สำหรับจดบันทึกข้อความกันลืม
10. Reminders (เตือนความจำ) – ใช้สำหรับบันทึกข้อความสั้น ๆ เพื่อเตือนความจำ สามารถตั้งเวลาเตือนได้
11. Clock (นาฬิกา) – ตั้งนาฬิกาปลุก
12. Games Center – ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถเล่นเกมแบบมัลติเพลเยอร์กับเพื่อนๆ และทำให้รู้ว่าเพื่อน ๆ เล่นเกมอะไรอยู่บ้าง
13. Newsstand (แผงหนังสือพิมพ์) – ใช้สำหรับดาวน์โหลดและซื้อหนังสือ, แมกกาซีนต่าง ๆ ออนไลน์
14. iTunes – ใช้สำหรับซื้อหนัง เช่าหนัง ซื้อเพลงออนไลน์
15. App Store – แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นสำหรับผู้ใช้ iPhone สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นได้จาก iPhone ผ่าน App Store
16. Settings (ตั้งค่า) – ตั้งค่าต่าง ๆ ของ iPhone เช่น เสียงเรียกเข้า, เปิดปิด 3G, เปิด Wi-Fi เป็นต้น
17. Phone (โทรศัพท์) – ใช้สำหรับโทรออก, ดูสายที่ไม่ได้รับ, ส่งวอยซ์เมล
18. Mail (อีเมล) – ใช้สำหรับรับและส่งอีเมลจาก iPhone
19. Safari – เว็บเบราว์เซอร์สำหรับท่องเว็บไซต์
20. Music (เพลง) – ใช้สำหรับฟังเพลง
21. Stocks (หุ้น) – เช็คหุ้นทั่วโลก
22. Contacts (รายชื่อ) – จัดการรายชื่อ, เพิ่มรายชื่อ, แก้ไขรายชื่อ
23. Calculator (เครื่องคิดเลข) – เครื่องคิดเลข พื้นฐาน บวก ลบ คูณ หารทั่วไป
24. Compass (เข็มทิศ) – เข็มทิศนำทาง เหมาะกับกรณีเดินป่าหรือต้องการหาทิศทาง
25. Voice Memos (วอยซ์เมโม) – ใช้ iPhone เป็นเครื่องบันทึกเสียงหรือคล้าย ๆ กับเครื่องอัดเสียง

ผลการทดสอบแบตเตอรี่ของ iPhone 5 อึดกว่า iPhone 4S และ Galaxy S III

เห็นการทดสอบ iPhone 5 ในแบบต่างๆ ไปพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำตกพื้นแช่น้ำ เป็นต้น ครั้งนี้มาดูผลการทดสอบด้านการใช้งานกันบ้าง โดยเว็บไซต์ GSMArena ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานในด้านแบตเตอรี่ของ iPhone 5 ความจุ 1440 mAh ซึ่งมีความจุเยอะกว่า iPhone 4S 1432 mAh โดยการทดสอบแบ่งออกเป็นการใช้งาน 3 แบบ คือ การใช้คุยโทรศัพท์, ท่องเว็บไซต์และเล่นวิดีโอโดยเปรียบเทียบการใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ผลการทดสอบจะออกมาเป็นอย่างไร มาติดตามกันเลยครับ 
•iPhone 5 คุยโทรศัพท์ได้นานถึง 8 ชั่วโมง 42 นาที (iPhone 4S 7 ชั่วโมง 41 นาที)

•ท่องเว็บไซต์ได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง 56 นาที (iPhone 4S 6 ชั่วโมง 56 นาที) และชนะ Motorola RAZR MAXX
ที่ทำเวลาไว้ที่ 9 ชั่วโมง 12 นาที

•เล่นวิดีโอต่อเนื่องนานถึง 10 ชั่วโมง 12 นาที (iPhone 4S 9 ชั่วโมง 24 นาที) และชนะ Samsung Galaxy S III
ที่ทำเวลาไว้ที่ 10 ชั่วโมง 1 นาที

Saturday, September 29, 2012

9 ฟีเจอร์(error) ที่ผู้ใช้รายงานบน iPhone 5


บาง ขึ้น ,ยาวขึ้น ,รองรับ 4G LTE มากับงานวิดีโอเอชดี และชิพ Apple A6 หากคิดว่าฟีเจอร์ของไอโฟน 5 มาเพียงเท่านี้ คุณอาจจะเก็บรายละเอียดไม่หมด ลองชมฟีเจอร์(error) จากประสบการณ์ตรงผู้ใช้ ที่เจอในไอโฟน 5 แล้วคุณอาจจะอยากดองโปรเจ็กส์ ของขวัญสิ้นปีเป็น iPhone 5 แด่คนที่ฉันรัก ออกไปก่อน…ยาวๆ เลย!!

9 Feature (error) with iPhone 5



Apple Maps ปัญหาที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก กระทั่งสาวกก็ทำใจศรัทธากับมันไม่ไหว

ปัญหาบางและเบาเกินไป ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิด แอปเปิลพรีเซ้นต์ความบางและเบา
แต่ผู้ใช้หลายคนบ่นเสียงแน่นเลยว่า มันเบาและบางเกินไป เหมือนจะบินหลุดไปจากมือ?

Siri รีเทริน์ สิริที่แอปเปิลพรีเซ้นต์ว่าเมก้าเครฟเวอร์ขึ้นแล้ว หลังพาไปอัพโอเมก้า 3 มา ในความเป็นจริงมันยังคงป่วยอยู่ หลังรายงานสภาพอากาศของของนิวยอร์กซิตี้ เป็นอุณหภูมิที่รัฐจอร์เจียแทน

ปัญหา แบตเตอรี่ได้กลับมาอีกครั้งบนนัมเบอร์ไฟว์ ผู้ใช้ยังคงต้องรับมือการชาร์ตที่เต็มไปแล้ว แต่เหลือเพียง 40 % ภายในชั่วโมงเดียว ขณะที่วันพรีเซ้นต์ 9 .12.12 อุตส่าห์เคลมสื่อว่าสแตนบายนาน 225 ช.ม. ปัญหานี้เกิดขึ้นบน iOS 6 .

บางส่วนของผู้ใช้ไอโฟน 5 สีขาว มากกว่าสีดำ
พบการรั่วของแสงที่หน้าจอ และจะยิ่งชัดเจนเมื่ออยู่ในห้องมืด


หยุดความคิดที่ว่าบอดี้ไอโฟน 5 จะ ถึก อึด ทน ไว้ก่อน เพราะความบางขั้นกว่าที่ได้มานั้น
ต้องแลกมากับวัสดุที่บอบบาง บอดี้ด้านหลังมันจึงเป็นรอยขีดข่วนได้อย่างง่ายดาย


น่าตกใจสำหรับปัญหานี้ เพราะดูเหมือนว่างานประกอบของไอโฟน 5 จะหละหลวมอยู่บ้าง? สัมผัสได้จากการเขย่า คุณจะได้ยินเสียงเคลื่อนของอะไหล่ด้านใน

อีกครั้งกับปัญหา Wi-Fi ต่อไม่ได้ ที่เคยเกิดขึ้นบน iPhone 4/4S มันกลับมาบนไอโฟน 5 อีกครั้ง

No SIM Card Installed’ Error นาโนซิมไม่ช่วยอะไร? เมื่อพบปัญหานี้ ให้คุณแก้ด้วยการรีสตาร์ทเครื่อง หากยังไม่หายก็เก็บแรงไปเขวี้ยงใส่หน้าพนักงานที่ Apple Store ใกล้บ้าน!!